สวัสดีค่ะสมาชิกชาวพันธ์ทิพย์ทุกคน เราเป็นคนหนึ่งที่เคยแอบนั่งอ่านพันธ์ทิพย์แต่ไม่เคยสมัครสมาชิกเลย
ชอบติดตามกระทู้มากกว่าจะคอมเมนต์น่ะค่ะ
แล้วก็ไม่เคยเขียนระบายชีวิตส่วนตัวในกระทู้เว็บบอร์ดใดๆ มาก่อนเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยค่ะ มีเรื่องหนักหัวใจมากจริงๆ
ก่อนอื่นต้องบอกเลยค่ะว่าเราเป็นผู้หญิง อายุ 22 ปี เราเรียนจบไปเมื่อกลางปีที่แล้ว
มีแฟนอายุ 20 ปี (ขอเรียกชื่อย่อว่า ป. นะคะ) ตอนนี้กำลังเรียนอยู่จากสถาบันเดียวกันค่ะ
แต่เราสองคนมาคบกันตอนที่เราเองก็เรียนจบไปแล้วนี่แหละค่ะ
ตอนคบกันก็ไม่มีอะไรมากมายค่ะ ช่วงเริ่มต้นก็เป็นเหมือนกับคู่รักทั่วๆ ไปที่ต่างก็เอาใจซึ่งกันและกัน
อยู่ในช่วงสวีทหวาน เป็นธรรมดาที่มันจะหมดไป เราเข้าใจในจุดนั้นดีค่ะ
แต่ปัญหาทั้งหลายที่มันก่อให้เกิดความบาดหมางและห่างเหินกันในทุกวันนี้มันมาจากหลายๆ อย่างค่ะ
ขอความกรุณาชาวพันธ์ทิพย์ช่วยอ่านหน่อยนะคะ
เรายังเด็กและขาดประสบการณ์ในมุมมองของผู้ใหญ่อยู่มาก ไม่รู้จะจัดการปัญหาอย่างไรดี
ประเด็นการทะเลาะครั้งยิ่งใหญ่
1. ครั้งแรกทะเลาะกันด้วยเรื่องที่เราต้องไปทำงานรับเต้น ซึ่งเป็นงานฟรีแลนซ์ค่ะ เป็นงานแคมเปญในห้างดังแห่งหนึ่งที่ต้องแสดงทุกวัน
ประเด็นมันอยู่ที่เราต้องทำงานร่วมกับคนที่เราเคยคุยกันก่อนหน้าจะคบกับ ป. ค่ะ เขาชื่อ ว. เป็นเพื่อนของ ป. มาก่อน โดย ป. เองก็รับรู้ความสัมพันธ์ของเรากับ ว. มาดี แต่ก็ตัดสินใจคุยกับเราและสานสัมพันธ์กันอยู่ดีค่ะ เพราะเขาเลือกที่จะไม่ใส่ใจ ซึ่งตอนที่ ป. รู้ว่าเราได้ทำงานร่วมกับ ว. เป็นเวลาถึง 3 เดือนทุกวัน เขาก็ไม่ได้งี่เง่าหรือเอาแต่ใจให้เราออกจากงานหรือไม่รับงานนี้นะคะ เขาก็เข้าใจและก็ไม่มีปัญหาการทำงานเลยค่ะ แต่เมื่อเราต้องทำงานร่วมกับ ว. (ซึ่งจบกันแบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่) เรามองว่าการที่เราจะเขม่นหรือตึงใส่กันมันก็ใช่เรื่อง ก็คุยกัน เจอกันก็ไหว้ก็ทักตามปกติ แต่ไม่เคยคุยกันแบบลับหลังไม่ว่าจะไลน์หรือโทรศัพท์ค่ะ เพราะถือว่าคุยกันในที่ร่วมงานไม่ให้เกิดความตึงเครียดใส่กันเท่านั้น แต่เรื่องมันไม่จบง่ายแค่นั้นค่ะ เพราะตัวของ ว. ซึ่งแตกหักกับ ป. ไปด้วยเรื่องของเรา (คนที่ตัดสินใจแตกหักคือ ป. ค่ะ ไม่ใช่ ว.) ว. ต้องการกลับไปคุยกับ ป. แบบเพื่อนสนิทกันอย่างวันเก่า เขาจึงตัดสินใจคุยปัญหากับ ป. ว่าโกรธกันเรื่องอะไร แต่ ป. ตัดสินใจไม่คุยด้วยแถมยังพูดปัดน้ำใจอีกว่าเราสองคนไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก เหตุนี้ทำให้ ว. คิดมาก (ด้วยเรารู้นิสัยว่ามันเป็นคนคิดมาก ผู้ชายคิดเล็กคิดน้อยน่ะค่ะ) ว. จึงถามว่า ป. โกรธมันเพราะเรื่องเราใช่ไหม ที่ทำงานด้วยกันใช่ไหม มันไม่มีอะไรนะมันไม่ใช่นะ เราแค่คุยกันแบบเพื่อนร่วมงาน ฯลฯ คือสิ่งที่ ว. พยายามอธิบายนั่นคือการอยากให้ ป. หายโกรธหรือเข้าใจผิด โดยหารู้ไม่ว่ามันยิ่งกลับทำให้ ป. โกรธมากขึ้น แต่ ว. ยังไม่หยุดและตบท้ายไปด้วยว่า ดูแลแฟนให้ดีๆ ด้วย มีคนที่ทำงานเล็งๆ เขาอยู่คนหนึ่ง เขาอาจจะเหงา (นั่น เผือกพูดแทนฉันอีก) ป. ไม่พูดอะไรแต่เก็บเม็มเรื่องราวทุกอย่างมาโวยวายกับเรา แต่หลังจากเคลียร์กันด้วยดีเรียบร้อยก็กลับเป็นปกติดังเดิม (แต่เหตุการณ์นี้มันจะเชื่อมโยงกับทุกๆ ปัญหาที่ทะเลาะกันค่ะ ประมาณว่านาง ป. เป็นผู้ชายชอบเม็มและขุด)
2. ครั้งนี้ทะเลาะกันด้วยเหตุที่ว่าเนื่องจากวันหยุดปีใหม่ งานที่ทำต้องทำจนถึงสิ้นปีวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งคนส่วนมากลาหยุดกัน จึงต้องมีการจัดสรรนักแสดงให้มาเต้นแทนคู่กันบ้าง สลับคู่กันบ้าง ซึ่งคู่เต้นของเราเขาลาหยุดค่ะ แล้วดันดวงจับพลัดจับผลูแบบซวยๆ ได้เต้นคู่กับ ว. ซะงั้น (ซึ่งท่าเต้นคู่กันก็คือต้องจับไม้จับมืออะไรแบบนี้) เราเองก็รู้ว่าถ้า ป. รู้จะต้องมีปัญหาแน่นอน แต่ด้วยการที่เรามีสถานะเป็นแค่พนักงาน ครั้นจะไปพูดกับหัวหน้างานว่า พี่คะหนูขอไม่เต้นคู่กับ ว. ได้ไหมคะ หนูไม่อยากมีปัญหากับแฟน มันก็ไม่ใช่เรื่อง เราก็เลยปลงซะถือซะว่าให้มันผ่านๆ ไป แล้วตัดสินใจบอก ป. เองว่าเราได้คู่เต้นกับ ว. นะ ตอนแรกนางก็ดูเหมือนจะเข้าใจ แต่พอไปสักพักไม่กี่นาทีนางก็จมอยู่กับภาพในหัวที่จินตนาการเอาเองว่าเราอยู่กับ ว. แล้วจะยิ้มจะนู่นนี่นั่น (ซึ่งก็ต้องยิ้มป๊ะ งานเต้น จะให้หน้าบึ้งรึไง) เราก็อธิบายไปหมดแล้วว่าเราทำงาน งานคืองาน มันต้องแยกแยะ แค่เต้นด้วยกัน 5 วันเท่านั้นเราก็จะจบแล้ว จะไม่เจอกับ ว. อีกแล้ว แต่ ป. ไม่ฟังเหตุผลค่ะ บอกว่าถ้าเป็นเขา เขาจะออกจากงาน ไม่ทำแต่แรกแล้ว ฯลฯ ซึ่งเราก็แบบ อ้าว ทำไมไม่ฟังกันบ้าง รู้นะว่าคิดมากเป็นเรื่องปกติ แต่ดูสถานะทางการงานของเราด้วยว่าเราเป็นใคร ทำงานอยู่ก็ต้องทำไปสิ ถ้าเราไปงี่เง่าลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัว ต่อไปมีงานแบบนี้พี่เขาก็ไม่จ้างแล้วสิ ดิสเครดิตตัวเองทำไม งานฟรีแลนซ์มันต้อสร้างเครดิตด้วยซ้ำ มันก็ไม่เข้าใจหรือไม่พยายามเข้าใจก็ไม่รู้ มันก็โกรธหายตัวไป 2 วัน ทักไลน์ไปไม่ตอบ โทรไปก็คุยแบบโทรมาทำไม มีอะไร ไม่อยากคุย ไม่อยากได้ยินเสียง ไม่อยากมองหน้า ไม่อยากเห็น เพราะเห็นก็ชวนให้คิดภาพที่อยู่กับ ว. (มโนเองไปหมด หลอน) เราก็เครียดมากไปตามง้อร้องไห้ถึงหอจนดีกัน (ตามเคย เรื่องนี้ก็เชื่อมไปสู่เรื่องอื่นได้หมดในภายภาคหน้า)
3. ครั้งนี้ทะเลาะกันด้วยความที่เราคบกันมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว สำหรับเรามันเริ่มอยู่ตัว แต่ช่วงนั้นเราไม่มีงานเข้ามาและว่างมากเราก็เลยไปอยู่หอกับมันบ่อยมาก อาทิตย์นึงประมาณ 4-5 วันได้ แล้วก็กลับมาอยู่บ้านสลับกันไป เรากับมันก็มีเรื่องงอนกันนิดหน่อยมาตลอดด้วยการกระทำของมันที่เปลี่ยนไป จากเคยหวานกุ๊กกิ๊กก็ไม่มีให้เห็นเลย ไอ้เราก็น้อยใจตัดพ้อไปว่าทำไมถึงเปลี่ยนไปละทั้งๆ ที่ไม่ได้มีปัญหากันเลยนี่นา แต่เราก็ยอมรับว่าตอนที่พูดเราก็ใช้อารมณ์ความน้อยใจโวยวายไป บวกกับความที่เราเป็นคนพูดตรงมาก ขวานผ่าซาก ป. เลยโกรธและพูดออกมาว่ามันรู้สึกรักไม่เท่าเดิมอีกแล้ว ตอนแรกเราได้ยินเราก็เสียใจนะ แต่เราก็ยอมรับได้หลังจากนั้นไม่กี่นาทีและบอกมันว่า ไม่เป็นไร เราเข้าใจดีว่าความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้ เราไม่โกรธ ไม่เหมือนเดิมไม่เป็นไร ไม่อยากกุ๊กกิ๊กอะไรทุ่มเทอะไรไม่เป็นไร ขอแค่ยังรักเราและอยู่กับเรา ทำเหมือนที่ทำก็พอ แต่กลับกลายเป็นว่าที่เราพูดไปไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น ตัว ป. ห่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งไม่ค่อยคุยตอบไลน์ เอารูปคู่ในไลน์ออก และสเตตัสก็ตั้งทำนองว่าจะเก็บใจไว้รอคนที่ใช่กว่า เราก็แบบ เฮ้ย ทำไมขึ้นแบบนี้ละ โทรไปถามเลย มันก็ออกแนวรำคาญและบอกว่าก็ตามนั้นแหละครับพี่ (เวลาโกรธจะเรียกเราแบบนี้ เวลาคุยปกติจะเรียกเราว่าที่รักกับเค้า) เราก็แบบพูดด้วยความแบบน้อยใจมากอ่ะว่าทำไมทำอย่างนี้ เรื่องรูปไลน์ใครอาจมองว่ามันไร้สาระ แต่เราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่แทนว่ายังใส่ใจกันอยู่สิ่งหนึ่ง แล้วตัวป. เองก็รู้แต่ก็เอาออก เราก็ร้องไห้ว่าทำไม ฝ่ายที่โกรธควรจะเป็นเราสิที่เธอเปลี่ยนไป ทำไมทำแบบนี้ ตั้งสเตตัสเหมือนกับเลิกกันแล้วแบบนี้ ป. ก็ตอบว่ามันก็แค่รูปครับพี่ พี่ก็เอาออกสิครับจะได้เท่าเทียมกัน เรายิ่งเสียใจกว่าเดิมที่ได้ยินแบบนี้ แล้ว ป. ก็บอกว่าไม่ต้องไลน์หรือโทรมาแล้วนะครับ เข้าใจนะว่าผมจะบอกอะไร แล้วก็วางจากกันไป เราเลยตัดสินใจนั่งรถไปหาที่หอเดี๋ยวนั้นเลย (ตอนนั้นเวลาเกือบ 3 ทุ่มแล้ว) ยอมนั่งแท็กซี่จากลาดพร้าวไปรังสิตค่ะ เมื่อไปถึงได้เจอกันเราก็เห็นว่า ป. ทำตัวไม่ถูกว่าจะกอดเราหรืออะไรดี บรรยากาศตึงเครียดค่ะ แล้ว ป. ก็หมางเมินเหินห่างใส่เราทั้งๆ ที่เรานอนข้างๆ คอยเอาใจคอยง้ออยู่ 2 วัน เมินไม่ใส่ใจเหมือนไม่เห็นหัวกันเลย เราร้องไห้ทั้งวัน สุดท้ายยอมคืนดีด้วยเพราะคงสงสารและสมเพชเราด้วยมั้งคะ แต่ ป. ก็ร้องไห้ บอกว่าทำไม่ลง ทำผู้หญิงคนนี้ไม่ลง แต่ก็ดีกันค่ะ
แต่เหตุการณ์จากตรงจุดนี้คือจุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนทุกอย่างจากหน้ามือเป็นหลังมือค่ะ
4. หลังจากดีกันได้ไม่นานก็มีเรื่องเข้ามาอีก คือแฟนเก่าเรา ชื่อ บ. มาขอปรึกษาเรื่องแฟนคนปัจจุบันของเขา ซึ่งเราก็ตอบด้วยความที่เราเป็นคนไม่โกรธเกลียดหรืออาฆาตแค้นใคร เลิกแล้วก็แล้วกันไป ใครมันยอมคุยกับเราเราก็คุย ใครไม่อยากคุยก็แล้วแต่เขา แต่เราก็คุยด้วย ซึ่ง บ. เองก็พูดเป็นทำนองว่าแฟนมันงี่เง่าเอาแต่ใจ เด็ก และไม่ฟังมันเลย ไม่อยากง้อแล้ว (อารมณ์โมโหนะจากความคิดของเรา) แล้วก็พูดว่าลืมเราไม่ได้ ยังคิดถึงอยู่เลย เราก็เลยพูดกลับไปเป็นทำนองอ้อมๆ ว่า มันก็แค่อดีตน่า ผ่านไปแล้ว เป็นบทเรียน เราก็ไม่เคยลืมนะแต่เราอยู่กับปัจจุบัน ฯลฯ แล้วหลังจากนั้นก็เงียบหายไป มีทักมาอีกครั้งหนึ่งคุยเรื่องแมวที่เราเคยเลี้ยงตอนสมัยคบกัน แล้วก็เข้าประเด็นว่าคิดถึงเราอีก ส่งเพลงขอ - lomosonic มาให้เราด้วย แต่เราก็พูดบ่ายเบี่ยงแบบครั้งที่แล้วอีกตามเคย จากนั้นเราก็ไม่คิดอะไรมาก ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย แต่ ป. ดันมาเห็นแล้วไม่บอกเรา เก็บเงียบไว้รอให้เราบอกเอง ซึ่งเราเองก็ลืมเรื่องนี้ไปเลยจนกระทั่งไปกินเหล้าวันเกิดเพื่อนเราด้วยกัน ป. ก็ไปกับเรา ตอนแรกก็ปกติทุกอย่างจนกระทั่งเหล้าเข้าคอเท่านั้นแหละ มันก็พูดออกมาว่าเรามีเรื่องที่ยังไม่บอกมันให้รีบบอกนะก่อนที่มันจะตัดสินใจ เราก็งง แต่พอจะจับเซ้นบางอย่างได้ว่าเกี่ยวกับแฟนเก่าชื่อ บ. ชัวร์ เราเลยถามออกไป พอ ป. พูดมาว่าใช่ เราเลยตอบไปว่า ถ้าเกิดไปแอบอ่านแล้วเห็นก็น่าจะรุ้ว่ามันไม่มีอะไร เพราะถ้ามีเราจะลบแชตสิ จะเก็บไว้ทำไม มันก็บอกว่ามันทนมาพอแล้ว เราอ้างนู่นนี่นั่น เราก็บอกว่า เฮ้ย เราไม่รู้หรอกนะว่าเธอกับแฟนเก่าเธอจะคุยกันหรือไม่คุย แต่เราเป็นคนแบบนี้ของเรา โลกนี้มันมีคนหลายแบบ ที่คุยก็เห็นอยู่ว่าเขามาปรึกษาเรื่องแฟนของเขา ถึงเขาจะพูดจาแบบเชิงคิดถึงเราบ้าง แต่เราก็ปฏิเสธไปทุกครั้งและเตือนสติ บ. ด้วยซ้ำ แต่ ป. กลับไม่ฟังเราเลย เราเลยโมโหมากลุกออกมา จนเพื่อนๆ เราต้องเข้าไปเคลียร์แทน โดยเพื่อนเราก็บอกว่ามันเด็กหนะ ต้องเข้าใจมันด้วย มันแค่อยากให้โลกนี้มีแค่เรากับมันสองคน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้หรอกนะเราว่า เราเข้าใจว่าความรักคือโลกของคนสองคน แต่โลกความจริงทุกคนล้วนมีความสัมพันธ์กับมนุษย์อื่นและมีอดีต เราเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมปัญหานี้ถึงแก้ไม่ตก เคลียร์ไปเคลียร์มาพอกลับไปถึงหอ ป. ก็เอาของพวกโพสต์อิตหรือของขวัญวันวาเลนไทน์พวกรูปวาดสีน้ำมันที่เราวาดให้ หรืออะไรทั้งหมดเอาออกไป เราโมโหมากที่ทำแบบนั้นเลยเข้าไปเคลียร์ด้วยอารมณ์โมโห (ยอมรับว่าโมโหขนาดพูดคำหยาบเลยค่ะเพราะเรารู้สึกว่ามันงี่เง่ามาก) เราถามว่าทำไมถึงเอาของพวกนี้ออกละ มันมีคุณค่าทางใจเรามากๆ เลยค่ะ แต่เขากลับวางโยนทิ้งบนเตียงอย่างไม่ใยดี เราโวยวายร้องไห้และฉุดแขนเขาก็ยังเดินไปเอาออกให้หมด จนกระทั่งเราทนไม่ไหว โกรธมาก เราตบหน้าเขาค่ะ แล้วก็ด่าคำหยาบด้วย เรายอมรับว่าเราทำผิดปล่อยให้อารมณ์โกรธและน้อยใจมาเป็นใหญ่ แต่เขาก็บอกเลิกเราทันทีเลยค่ะด้วยเหตุผลที่เขาบอกว่าเขาตัดสินใจมาแล้ว เขาเข้าใจว่าที่เราคุยกับแฟนเก่าเป็นเพราะยังลืมไม่ได้ค่ะ โดยไม่ฟังเหตุผลหรือดูรูปการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่ความจริงเขาก็ได้เห็นได้อ่านแล้วค่ะ เราก็เลยโมโหมากที่เขาคิดแบบนี้ เราเลยยิ่งพูดจารุนแรงเข้าไปอีก ทั้งว่าว่าเขาเห็นแก่ตัวและเด็กมาก ทำไมบอกเลิกเราง่ายขนาดนี้ แต่หลังจากนั้นพอเคลียร์กันเสร็จเขาก็ร้องไห้และกอดเราค่ะ เขาขอโทษที่ไม่สามารถทำตามคำสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปได้ ขอให้เราจำเขาเป็นบทเรียนไว้ว่าอย่ามอบหัวใจและทุ่มไปให้ใครสุดๆ อีก เราเจ็บมากเลยค่ะ จากอารมณ์โกรธกลายเป็นเจ็บใจมากจนร้องไห้ทรุดลงกับพื้นอย่างกับในละครเลยคะ หมดแรงจะทำอะไรจริงๆ เขาก็ดูเศร้าค่ะ ร้องไห้ด้วยกัน แต่เขาก็หยุดและรวบรวมความโกรธที่เห็นเราคุยกับแฟนเก่าขึ้นมาเป็นพลังให้ตัวเองกล้าสลัดเราทิ้งอีกครั้งหนึ่ง เราเลยตัดสินใจกลับบ้านไปพักใจค่ะ แล้ววันรุ่งขึ้นเราก็ใช้ชีวิตตามปกติค่ะเพราะทำตัวไม่ถูก แต่เนื่องจากเขาฝากการบ้านมาให้เราช่วยทำแล้วต้องส่งวันรุ่งขึ้น เราเลยมีข้ออ้างที่จะไปหาเขาเพื่อง้อ (อีกแล้ว) แล้วเราก็ได้ไปเจอจริงๆ แต่เราให้เขามาเอางานที่หอรุ่นน้องเราแทนก่อนที่เราจะไปกินเหล้ากับรุ่นน้องค่ะ เขาก็อาสามาส่งที่ร้านแล้วก็ยืนคุยกัน เขายืนยันจะเลิกจริงๆ ส่วนเราก็หมดปัญญาจะพูดอะไรเลย ได้แต่เงียบและเดินเข้าไปกินเหล้าในร้านต่อ
คนที่ทำแบบนี้เขาคิดอะไรหรือคะ?
ชอบติดตามกระทู้มากกว่าจะคอมเมนต์น่ะค่ะ
แล้วก็ไม่เคยเขียนระบายชีวิตส่วนตัวในกระทู้เว็บบอร์ดใดๆ มาก่อนเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยค่ะ มีเรื่องหนักหัวใจมากจริงๆ
ก่อนอื่นต้องบอกเลยค่ะว่าเราเป็นผู้หญิง อายุ 22 ปี เราเรียนจบไปเมื่อกลางปีที่แล้ว
มีแฟนอายุ 20 ปี (ขอเรียกชื่อย่อว่า ป. นะคะ) ตอนนี้กำลังเรียนอยู่จากสถาบันเดียวกันค่ะ
แต่เราสองคนมาคบกันตอนที่เราเองก็เรียนจบไปแล้วนี่แหละค่ะ
ตอนคบกันก็ไม่มีอะไรมากมายค่ะ ช่วงเริ่มต้นก็เป็นเหมือนกับคู่รักทั่วๆ ไปที่ต่างก็เอาใจซึ่งกันและกัน
อยู่ในช่วงสวีทหวาน เป็นธรรมดาที่มันจะหมดไป เราเข้าใจในจุดนั้นดีค่ะ
แต่ปัญหาทั้งหลายที่มันก่อให้เกิดความบาดหมางและห่างเหินกันในทุกวันนี้มันมาจากหลายๆ อย่างค่ะ
ขอความกรุณาชาวพันธ์ทิพย์ช่วยอ่านหน่อยนะคะ
เรายังเด็กและขาดประสบการณ์ในมุมมองของผู้ใหญ่อยู่มาก ไม่รู้จะจัดการปัญหาอย่างไรดี
ประเด็นการทะเลาะครั้งยิ่งใหญ่
1. ครั้งแรกทะเลาะกันด้วยเรื่องที่เราต้องไปทำงานรับเต้น ซึ่งเป็นงานฟรีแลนซ์ค่ะ เป็นงานแคมเปญในห้างดังแห่งหนึ่งที่ต้องแสดงทุกวัน
ประเด็นมันอยู่ที่เราต้องทำงานร่วมกับคนที่เราเคยคุยกันก่อนหน้าจะคบกับ ป. ค่ะ เขาชื่อ ว. เป็นเพื่อนของ ป. มาก่อน โดย ป. เองก็รับรู้ความสัมพันธ์ของเรากับ ว. มาดี แต่ก็ตัดสินใจคุยกับเราและสานสัมพันธ์กันอยู่ดีค่ะ เพราะเขาเลือกที่จะไม่ใส่ใจ ซึ่งตอนที่ ป. รู้ว่าเราได้ทำงานร่วมกับ ว. เป็นเวลาถึง 3 เดือนทุกวัน เขาก็ไม่ได้งี่เง่าหรือเอาแต่ใจให้เราออกจากงานหรือไม่รับงานนี้นะคะ เขาก็เข้าใจและก็ไม่มีปัญหาการทำงานเลยค่ะ แต่เมื่อเราต้องทำงานร่วมกับ ว. (ซึ่งจบกันแบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่) เรามองว่าการที่เราจะเขม่นหรือตึงใส่กันมันก็ใช่เรื่อง ก็คุยกัน เจอกันก็ไหว้ก็ทักตามปกติ แต่ไม่เคยคุยกันแบบลับหลังไม่ว่าจะไลน์หรือโทรศัพท์ค่ะ เพราะถือว่าคุยกันในที่ร่วมงานไม่ให้เกิดความตึงเครียดใส่กันเท่านั้น แต่เรื่องมันไม่จบง่ายแค่นั้นค่ะ เพราะตัวของ ว. ซึ่งแตกหักกับ ป. ไปด้วยเรื่องของเรา (คนที่ตัดสินใจแตกหักคือ ป. ค่ะ ไม่ใช่ ว.) ว. ต้องการกลับไปคุยกับ ป. แบบเพื่อนสนิทกันอย่างวันเก่า เขาจึงตัดสินใจคุยปัญหากับ ป. ว่าโกรธกันเรื่องอะไร แต่ ป. ตัดสินใจไม่คุยด้วยแถมยังพูดปัดน้ำใจอีกว่าเราสองคนไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก เหตุนี้ทำให้ ว. คิดมาก (ด้วยเรารู้นิสัยว่ามันเป็นคนคิดมาก ผู้ชายคิดเล็กคิดน้อยน่ะค่ะ) ว. จึงถามว่า ป. โกรธมันเพราะเรื่องเราใช่ไหม ที่ทำงานด้วยกันใช่ไหม มันไม่มีอะไรนะมันไม่ใช่นะ เราแค่คุยกันแบบเพื่อนร่วมงาน ฯลฯ คือสิ่งที่ ว. พยายามอธิบายนั่นคือการอยากให้ ป. หายโกรธหรือเข้าใจผิด โดยหารู้ไม่ว่ามันยิ่งกลับทำให้ ป. โกรธมากขึ้น แต่ ว. ยังไม่หยุดและตบท้ายไปด้วยว่า ดูแลแฟนให้ดีๆ ด้วย มีคนที่ทำงานเล็งๆ เขาอยู่คนหนึ่ง เขาอาจจะเหงา (นั่น เผือกพูดแทนฉันอีก) ป. ไม่พูดอะไรแต่เก็บเม็มเรื่องราวทุกอย่างมาโวยวายกับเรา แต่หลังจากเคลียร์กันด้วยดีเรียบร้อยก็กลับเป็นปกติดังเดิม (แต่เหตุการณ์นี้มันจะเชื่อมโยงกับทุกๆ ปัญหาที่ทะเลาะกันค่ะ ประมาณว่านาง ป. เป็นผู้ชายชอบเม็มและขุด)
2. ครั้งนี้ทะเลาะกันด้วยเหตุที่ว่าเนื่องจากวันหยุดปีใหม่ งานที่ทำต้องทำจนถึงสิ้นปีวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งคนส่วนมากลาหยุดกัน จึงต้องมีการจัดสรรนักแสดงให้มาเต้นแทนคู่กันบ้าง สลับคู่กันบ้าง ซึ่งคู่เต้นของเราเขาลาหยุดค่ะ แล้วดันดวงจับพลัดจับผลูแบบซวยๆ ได้เต้นคู่กับ ว. ซะงั้น (ซึ่งท่าเต้นคู่กันก็คือต้องจับไม้จับมืออะไรแบบนี้) เราเองก็รู้ว่าถ้า ป. รู้จะต้องมีปัญหาแน่นอน แต่ด้วยการที่เรามีสถานะเป็นแค่พนักงาน ครั้นจะไปพูดกับหัวหน้างานว่า พี่คะหนูขอไม่เต้นคู่กับ ว. ได้ไหมคะ หนูไม่อยากมีปัญหากับแฟน มันก็ไม่ใช่เรื่อง เราก็เลยปลงซะถือซะว่าให้มันผ่านๆ ไป แล้วตัดสินใจบอก ป. เองว่าเราได้คู่เต้นกับ ว. นะ ตอนแรกนางก็ดูเหมือนจะเข้าใจ แต่พอไปสักพักไม่กี่นาทีนางก็จมอยู่กับภาพในหัวที่จินตนาการเอาเองว่าเราอยู่กับ ว. แล้วจะยิ้มจะนู่นนี่นั่น (ซึ่งก็ต้องยิ้มป๊ะ งานเต้น จะให้หน้าบึ้งรึไง) เราก็อธิบายไปหมดแล้วว่าเราทำงาน งานคืองาน มันต้องแยกแยะ แค่เต้นด้วยกัน 5 วันเท่านั้นเราก็จะจบแล้ว จะไม่เจอกับ ว. อีกแล้ว แต่ ป. ไม่ฟังเหตุผลค่ะ บอกว่าถ้าเป็นเขา เขาจะออกจากงาน ไม่ทำแต่แรกแล้ว ฯลฯ ซึ่งเราก็แบบ อ้าว ทำไมไม่ฟังกันบ้าง รู้นะว่าคิดมากเป็นเรื่องปกติ แต่ดูสถานะทางการงานของเราด้วยว่าเราเป็นใคร ทำงานอยู่ก็ต้องทำไปสิ ถ้าเราไปงี่เง่าลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัว ต่อไปมีงานแบบนี้พี่เขาก็ไม่จ้างแล้วสิ ดิสเครดิตตัวเองทำไม งานฟรีแลนซ์มันต้อสร้างเครดิตด้วยซ้ำ มันก็ไม่เข้าใจหรือไม่พยายามเข้าใจก็ไม่รู้ มันก็โกรธหายตัวไป 2 วัน ทักไลน์ไปไม่ตอบ โทรไปก็คุยแบบโทรมาทำไม มีอะไร ไม่อยากคุย ไม่อยากได้ยินเสียง ไม่อยากมองหน้า ไม่อยากเห็น เพราะเห็นก็ชวนให้คิดภาพที่อยู่กับ ว. (มโนเองไปหมด หลอน) เราก็เครียดมากไปตามง้อร้องไห้ถึงหอจนดีกัน (ตามเคย เรื่องนี้ก็เชื่อมไปสู่เรื่องอื่นได้หมดในภายภาคหน้า)
3. ครั้งนี้ทะเลาะกันด้วยความที่เราคบกันมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว สำหรับเรามันเริ่มอยู่ตัว แต่ช่วงนั้นเราไม่มีงานเข้ามาและว่างมากเราก็เลยไปอยู่หอกับมันบ่อยมาก อาทิตย์นึงประมาณ 4-5 วันได้ แล้วก็กลับมาอยู่บ้านสลับกันไป เรากับมันก็มีเรื่องงอนกันนิดหน่อยมาตลอดด้วยการกระทำของมันที่เปลี่ยนไป จากเคยหวานกุ๊กกิ๊กก็ไม่มีให้เห็นเลย ไอ้เราก็น้อยใจตัดพ้อไปว่าทำไมถึงเปลี่ยนไปละทั้งๆ ที่ไม่ได้มีปัญหากันเลยนี่นา แต่เราก็ยอมรับว่าตอนที่พูดเราก็ใช้อารมณ์ความน้อยใจโวยวายไป บวกกับความที่เราเป็นคนพูดตรงมาก ขวานผ่าซาก ป. เลยโกรธและพูดออกมาว่ามันรู้สึกรักไม่เท่าเดิมอีกแล้ว ตอนแรกเราได้ยินเราก็เสียใจนะ แต่เราก็ยอมรับได้หลังจากนั้นไม่กี่นาทีและบอกมันว่า ไม่เป็นไร เราเข้าใจดีว่าความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้ เราไม่โกรธ ไม่เหมือนเดิมไม่เป็นไร ไม่อยากกุ๊กกิ๊กอะไรทุ่มเทอะไรไม่เป็นไร ขอแค่ยังรักเราและอยู่กับเรา ทำเหมือนที่ทำก็พอ แต่กลับกลายเป็นว่าที่เราพูดไปไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น ตัว ป. ห่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด ทั้งไม่ค่อยคุยตอบไลน์ เอารูปคู่ในไลน์ออก และสเตตัสก็ตั้งทำนองว่าจะเก็บใจไว้รอคนที่ใช่กว่า เราก็แบบ เฮ้ย ทำไมขึ้นแบบนี้ละ โทรไปถามเลย มันก็ออกแนวรำคาญและบอกว่าก็ตามนั้นแหละครับพี่ (เวลาโกรธจะเรียกเราแบบนี้ เวลาคุยปกติจะเรียกเราว่าที่รักกับเค้า) เราก็แบบพูดด้วยความแบบน้อยใจมากอ่ะว่าทำไมทำอย่างนี้ เรื่องรูปไลน์ใครอาจมองว่ามันไร้สาระ แต่เราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่แทนว่ายังใส่ใจกันอยู่สิ่งหนึ่ง แล้วตัวป. เองก็รู้แต่ก็เอาออก เราก็ร้องไห้ว่าทำไม ฝ่ายที่โกรธควรจะเป็นเราสิที่เธอเปลี่ยนไป ทำไมทำแบบนี้ ตั้งสเตตัสเหมือนกับเลิกกันแล้วแบบนี้ ป. ก็ตอบว่ามันก็แค่รูปครับพี่ พี่ก็เอาออกสิครับจะได้เท่าเทียมกัน เรายิ่งเสียใจกว่าเดิมที่ได้ยินแบบนี้ แล้ว ป. ก็บอกว่าไม่ต้องไลน์หรือโทรมาแล้วนะครับ เข้าใจนะว่าผมจะบอกอะไร แล้วก็วางจากกันไป เราเลยตัดสินใจนั่งรถไปหาที่หอเดี๋ยวนั้นเลย (ตอนนั้นเวลาเกือบ 3 ทุ่มแล้ว) ยอมนั่งแท็กซี่จากลาดพร้าวไปรังสิตค่ะ เมื่อไปถึงได้เจอกันเราก็เห็นว่า ป. ทำตัวไม่ถูกว่าจะกอดเราหรืออะไรดี บรรยากาศตึงเครียดค่ะ แล้ว ป. ก็หมางเมินเหินห่างใส่เราทั้งๆ ที่เรานอนข้างๆ คอยเอาใจคอยง้ออยู่ 2 วัน เมินไม่ใส่ใจเหมือนไม่เห็นหัวกันเลย เราร้องไห้ทั้งวัน สุดท้ายยอมคืนดีด้วยเพราะคงสงสารและสมเพชเราด้วยมั้งคะ แต่ ป. ก็ร้องไห้ บอกว่าทำไม่ลง ทำผู้หญิงคนนี้ไม่ลง แต่ก็ดีกันค่ะ
แต่เหตุการณ์จากตรงจุดนี้คือจุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนทุกอย่างจากหน้ามือเป็นหลังมือค่ะ
4. หลังจากดีกันได้ไม่นานก็มีเรื่องเข้ามาอีก คือแฟนเก่าเรา ชื่อ บ. มาขอปรึกษาเรื่องแฟนคนปัจจุบันของเขา ซึ่งเราก็ตอบด้วยความที่เราเป็นคนไม่โกรธเกลียดหรืออาฆาตแค้นใคร เลิกแล้วก็แล้วกันไป ใครมันยอมคุยกับเราเราก็คุย ใครไม่อยากคุยก็แล้วแต่เขา แต่เราก็คุยด้วย ซึ่ง บ. เองก็พูดเป็นทำนองว่าแฟนมันงี่เง่าเอาแต่ใจ เด็ก และไม่ฟังมันเลย ไม่อยากง้อแล้ว (อารมณ์โมโหนะจากความคิดของเรา) แล้วก็พูดว่าลืมเราไม่ได้ ยังคิดถึงอยู่เลย เราก็เลยพูดกลับไปเป็นทำนองอ้อมๆ ว่า มันก็แค่อดีตน่า ผ่านไปแล้ว เป็นบทเรียน เราก็ไม่เคยลืมนะแต่เราอยู่กับปัจจุบัน ฯลฯ แล้วหลังจากนั้นก็เงียบหายไป มีทักมาอีกครั้งหนึ่งคุยเรื่องแมวที่เราเคยเลี้ยงตอนสมัยคบกัน แล้วก็เข้าประเด็นว่าคิดถึงเราอีก ส่งเพลงขอ - lomosonic มาให้เราด้วย แต่เราก็พูดบ่ายเบี่ยงแบบครั้งที่แล้วอีกตามเคย จากนั้นเราก็ไม่คิดอะไรมาก ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย แต่ ป. ดันมาเห็นแล้วไม่บอกเรา เก็บเงียบไว้รอให้เราบอกเอง ซึ่งเราเองก็ลืมเรื่องนี้ไปเลยจนกระทั่งไปกินเหล้าวันเกิดเพื่อนเราด้วยกัน ป. ก็ไปกับเรา ตอนแรกก็ปกติทุกอย่างจนกระทั่งเหล้าเข้าคอเท่านั้นแหละ มันก็พูดออกมาว่าเรามีเรื่องที่ยังไม่บอกมันให้รีบบอกนะก่อนที่มันจะตัดสินใจ เราก็งง แต่พอจะจับเซ้นบางอย่างได้ว่าเกี่ยวกับแฟนเก่าชื่อ บ. ชัวร์ เราเลยถามออกไป พอ ป. พูดมาว่าใช่ เราเลยตอบไปว่า ถ้าเกิดไปแอบอ่านแล้วเห็นก็น่าจะรุ้ว่ามันไม่มีอะไร เพราะถ้ามีเราจะลบแชตสิ จะเก็บไว้ทำไม มันก็บอกว่ามันทนมาพอแล้ว เราอ้างนู่นนี่นั่น เราก็บอกว่า เฮ้ย เราไม่รู้หรอกนะว่าเธอกับแฟนเก่าเธอจะคุยกันหรือไม่คุย แต่เราเป็นคนแบบนี้ของเรา โลกนี้มันมีคนหลายแบบ ที่คุยก็เห็นอยู่ว่าเขามาปรึกษาเรื่องแฟนของเขา ถึงเขาจะพูดจาแบบเชิงคิดถึงเราบ้าง แต่เราก็ปฏิเสธไปทุกครั้งและเตือนสติ บ. ด้วยซ้ำ แต่ ป. กลับไม่ฟังเราเลย เราเลยโมโหมากลุกออกมา จนเพื่อนๆ เราต้องเข้าไปเคลียร์แทน โดยเพื่อนเราก็บอกว่ามันเด็กหนะ ต้องเข้าใจมันด้วย มันแค่อยากให้โลกนี้มีแค่เรากับมันสองคน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้หรอกนะเราว่า เราเข้าใจว่าความรักคือโลกของคนสองคน แต่โลกความจริงทุกคนล้วนมีความสัมพันธ์กับมนุษย์อื่นและมีอดีต เราเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมปัญหานี้ถึงแก้ไม่ตก เคลียร์ไปเคลียร์มาพอกลับไปถึงหอ ป. ก็เอาของพวกโพสต์อิตหรือของขวัญวันวาเลนไทน์พวกรูปวาดสีน้ำมันที่เราวาดให้ หรืออะไรทั้งหมดเอาออกไป เราโมโหมากที่ทำแบบนั้นเลยเข้าไปเคลียร์ด้วยอารมณ์โมโห (ยอมรับว่าโมโหขนาดพูดคำหยาบเลยค่ะเพราะเรารู้สึกว่ามันงี่เง่ามาก) เราถามว่าทำไมถึงเอาของพวกนี้ออกละ มันมีคุณค่าทางใจเรามากๆ เลยค่ะ แต่เขากลับวางโยนทิ้งบนเตียงอย่างไม่ใยดี เราโวยวายร้องไห้และฉุดแขนเขาก็ยังเดินไปเอาออกให้หมด จนกระทั่งเราทนไม่ไหว โกรธมาก เราตบหน้าเขาค่ะ แล้วก็ด่าคำหยาบด้วย เรายอมรับว่าเราทำผิดปล่อยให้อารมณ์โกรธและน้อยใจมาเป็นใหญ่ แต่เขาก็บอกเลิกเราทันทีเลยค่ะด้วยเหตุผลที่เขาบอกว่าเขาตัดสินใจมาแล้ว เขาเข้าใจว่าที่เราคุยกับแฟนเก่าเป็นเพราะยังลืมไม่ได้ค่ะ โดยไม่ฟังเหตุผลหรือดูรูปการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่ความจริงเขาก็ได้เห็นได้อ่านแล้วค่ะ เราก็เลยโมโหมากที่เขาคิดแบบนี้ เราเลยยิ่งพูดจารุนแรงเข้าไปอีก ทั้งว่าว่าเขาเห็นแก่ตัวและเด็กมาก ทำไมบอกเลิกเราง่ายขนาดนี้ แต่หลังจากนั้นพอเคลียร์กันเสร็จเขาก็ร้องไห้และกอดเราค่ะ เขาขอโทษที่ไม่สามารถทำตามคำสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปได้ ขอให้เราจำเขาเป็นบทเรียนไว้ว่าอย่ามอบหัวใจและทุ่มไปให้ใครสุดๆ อีก เราเจ็บมากเลยค่ะ จากอารมณ์โกรธกลายเป็นเจ็บใจมากจนร้องไห้ทรุดลงกับพื้นอย่างกับในละครเลยคะ หมดแรงจะทำอะไรจริงๆ เขาก็ดูเศร้าค่ะ ร้องไห้ด้วยกัน แต่เขาก็หยุดและรวบรวมความโกรธที่เห็นเราคุยกับแฟนเก่าขึ้นมาเป็นพลังให้ตัวเองกล้าสลัดเราทิ้งอีกครั้งหนึ่ง เราเลยตัดสินใจกลับบ้านไปพักใจค่ะ แล้ววันรุ่งขึ้นเราก็ใช้ชีวิตตามปกติค่ะเพราะทำตัวไม่ถูก แต่เนื่องจากเขาฝากการบ้านมาให้เราช่วยทำแล้วต้องส่งวันรุ่งขึ้น เราเลยมีข้ออ้างที่จะไปหาเขาเพื่อง้อ (อีกแล้ว) แล้วเราก็ได้ไปเจอจริงๆ แต่เราให้เขามาเอางานที่หอรุ่นน้องเราแทนก่อนที่เราจะไปกินเหล้ากับรุ่นน้องค่ะ เขาก็อาสามาส่งที่ร้านแล้วก็ยืนคุยกัน เขายืนยันจะเลิกจริงๆ ส่วนเราก็หมดปัญญาจะพูดอะไรเลย ได้แต่เงียบและเดินเข้าไปกินเหล้าในร้านต่อ